จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นเมือหนึ่งที่มี่แหล่งที่เกี่ยวกับธรรมมะแต่งจังหวัดนครศรีธรรมราชไม่ได้มีฉเพราะแหล่งธรรมะอย่างเดียว ที่นครยังมีทะเล มีน้ำตก ภูเขา นิฉันมีรูปและข้อมูลมาให้ดูด้วยคะ แต่งถึงยังไงแล้วเมืองนครเป็นที่หนึ่งที่มีแหล่งธรรมมะมากอยู่เหมือนกันนิฉันเลยต้องเอาข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งธรรมมะและก็ธรรมชาติของเมืองนครศรีธรรมราชมาให้ดูด้วยคะมาดูกันเลยนะคะเริ่มจากที่แรกเลยนะคะ
เจดีย์ศรีวิชัย วัดภูเขาหลัก
เมืองนครศรีธรรมราช เป็นเมืองเก่าแก่ในแหลมมลายูมีชื่อในศิลาจารึกว่าเมืองตามพรลิงค์ สามารถแผ่อาณาเขตไปปกครองหัวเมืองมลายูทั้งหมด บางครั้งเสื่อมอำนาจและเคยตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรศรีวิชัย ในสมัยที่เรืองอำนาจนั้นแบ่งการปกครองเป็น 12 หัวเมือง เมืองนครศรีธรรมราชนี้ มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานเกือบสองพันปี เมื่อกล่าวถึงวัดภูเขาหลักที่เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่เมื่อ พ.ศ.1320 โดยชาวลังกาที่เดินทางเข้ามาได้เอาทรัพย์สินเงินทองและสิ่งของต่างๆมาฝังไว้และสร้างวัดขึ้น พร้อมกับเจดีย์ที่เป็นศิลปศรีวิชัยตามสมัยนั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย อายุกว่าพันปี หน้าตักกว้าง 5 ศอก สูง 6 ศอก 22 นิ้ว ลงรักปิดทองอย่างสวยงาม
รูปเจดีย์ศรีวิชัย วัดภูเขาหลัก
กำแพงเมืองนครฯ
กำแพงเมืองเดิมก่ออิฐถือปูนทั้งสี่ด้าน มีเชิงเทิน ใบเสมา มุมกำแพงทั้งสี่ด้านมีป้อมมุมละป้อม กำแพงทางด้านเหนือและด้านใต้มีประตูเมืองด้านละหนึ่งประตู คือ ประตูชัยเหนือ หรือ"ประตูชัยศักดิ์" และทางด้านใต้ คือ ประตูชัยให้ หรือ ประตูชัยสิทธิ์ ขนาดของเมืองวัดตามกำแพงเมืองยาว 2238.50 เมตร กว้าง 456.50 เมตร ถัดออกจากแนวกำแพงเมืองเป็นคูเมือง โดยคูเมืองด้านทิศเหนือคือคลองน้อย (หรือคลองหน้าเมืองในปัจจุบัน) ซึ่งขุดไปออกอ่าวไทย กำแพงเมืองตามตำนานเมืองนครศรีธรรมราชกล่าวสร้างหลังจากที่ะรพเจ้าศรรีธรรมโศกราชอพยพผู้คนหนีไข้ห่ามาตั้งเมืองที่หาดทรายแก้วแล้วโปรดให้สร้างขึ้นและได้รับการ ซ่อมแซมมาโดยลำดับ เช่น ในครั้งที่พระเมศวรได้เสด็จตีล้านนาเมื่อ พ.ศ.1950 กำแพงเมืองได้รับการซ่อมแซมมาโดยชาวล้านนาต่อมาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เมื่อปี พ.ศ.2230 มีการซ่อมแซมกำแพงเมืองครั้งใหญ่โดยสร้างป้อมปรกการแบบ Chateau ซึ่งสามารถป้องกันปืนใหญ่แบบตะวันตกได้ และกำแพงเมืองที่เหลือในปัจจุบันที่สร้างโดยสมัยนั้น และสมัยตันกรุงรัตนโกสินทร์ ราวปี พ.ศ. 2327 ได้มีการซ่อมแซมอีกครั้งหนึ่ง โดยพระยานครศรีธรรมราช (พัด) และได้รับการบูรณเพิ่มเติมขึ้นในอีกปี พ.ศ. 2533 เป็นครั้งสุดท้าย ปัจจุบันมีแนวกำแพงเมืองที่หลงเหลืออยู่เป็นแนวขนานไปกับคูเมืองตั้งแต่ประตูชัยเหนือหรือประตูชัยศักดิ์ ไปทางตะวันออกยาวประมาณ 100 เมตร
รูปกำแพงเมืองนครฯ
ตำหนักพระเจ้าตากสินมหาราชวัดเขาขุนพนม
วัดเขาขุนพนม อยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ไม่ไกลจากพระตำหนักเมืองนคร และที่วัดนี้ยังเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาเขาขุนพนม เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี่ สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แก่ประชาชน มีตำนานท้องถิ่นเล่าขานว่า วัดเขาขุนพนมนี้ เป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เสด็จมาประทับ และจำพรรษาในฐานะพระภิกษุ หลังจากสิ้นรัชกาลกรุงธนบุรี เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2325 จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2328 โดยที่ไม่ได้ทรงถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ ตามพระราชพงศาวดาร แต่ได้ทรงสับเปลี่ยนพระองค์กับทหารคนสนิทหรือพระญาติ ที่มีรูปพรรณใกล้เคียงกัน ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
เขาขุนพนมมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนลูกโดดเตี้ย ๆ มีต้นไม้ปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น บนภูเขามีถ้ำหินปูน ที่มีโพรงหินงอกหินย้อน ลักษณะของภูเขาวางตัวอยู่ในแถบเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ 750 เมตร กว้างตามแนวทางทิศตะวันออก-ตะวันตก ประมาณ 500 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 43 เมตร ส่วนยอดเขาสูง จากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 165 เมตร ทางทิศใต้ของภูเขาเป็นทางลาดชัน ทางทิศเหนือเป็นไหล่เขา ทางทิศตะวันตกเป็นสวนมังคุดและสวนยางพารา ทางทิศตะวันตกเป็นโรงเรียนและวัดเขาขุนพนม เขาขุนพนมมีจุดเด่นอยู่ที่วัดเขาขุนพนมซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขาขุนพนม ประวัติ
การก่อสร้างไม่ปรากฏ แต่หลักฐานประเภทโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ สามารถบ่งนี้ได้ว่า วัดเขาขุนพนมน่าจะสร้างขึ้นในตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โบราณสถานโบราณวัตถุที่สำคัญได้แก่
1. พระอุโบสถ เดิมเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาด 5.80 x 11.20 เมตร ตั้งอยู่บนฐานยกพื้นสูง 1.75 เมตร เป็นฐานเขียงสองชั้นและฐานสิงห์หนึ่งชั้น หลังคาจั่วไม่มีช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ประดับหลังคา ของพระอุโบสถเหมือนทั่วไป ลักษณะจะเป็นพระอุโบสถที่เรียกว่า มหาอุด คือไม่มีช่องหน้าต่าง พ.ศ. 2533 มีการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ทำให้มีช่องรับแสงใต้หน้าบันและใต้ปีกหลังคา ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีสาวกซ้ายขวาที่พนมมือที่มุมด้านข้างฐานชุกชี รอบ พระอุโบสถมีใบเสมาแปดใบตั้งอยู่บนฐานสิงห์ ย่อมุมได้สิบสอง ส่วนบนเป็นบัวกลุ่มรองรับใบเสมา
2. ถ้ำพระเจ้าตาก บันไดทางขึ้นมีรูปพญานาคปูนปั้นเจ็ดเศียรสองตน แผ่นพังพานทอดตัวเป็นราว บันได มีทั้งหมด 245 ชั้น กลางลำตัวพญานาคสลักเป็นรูปพระพุทธรูปที่นั่งขัดสมาธิปิดตา อยู่ในวงกลมล้อม รอบด้วยลายเม็ดน้ำค้างและกลีบดอกไม้ ด้านนอกวงกลมเป็นลายกระจัง ใต้ศอพญานาคทุกตนมีลายนโม สุดปลายหางพญานาคเป็นเพิงผาขนาดใหญ่เรียกว่า ถ้ำพระเจ้าตากหรือถ้ำเขาขุนพนม ปากถ้ำหันไปทาง
ทิศตะวันออก มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญได้แก่
2.1 ประตูทางเข้าด้านหน้า เป็นเสาหัวเม็ดเตี้ย ๆ ช่องประตูกว้างประมาณ 70 เซนติเมตร ติดกับเสา หัวเม็ดด้านเหนือมีกำแพงแก้วเตี้ย ๆ ไปชิดกับผนังกำแพงก่ออิฐถือปูน
2.2 กำแพงทางด้านทิเศหนือ เป็นกำแพงอิฐถือปูนกว้างประมาณ 2.60 เมตร ยาว 9.30 เมตร สูง 1.80 เมตร ส่วนบนสุดของกำแพงประดับด้วยใบเสมา ภายในห้องหลังกำแพงประดิษฐานพระพุทธรูป ปางมารวิชัยสามองค์ ด้านข้างผนังถ้ำมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยหนึ่งองค์และพระพุทธรูปสมาธิสององค์ ตัว
กำแพงมีการนำถ้วยชามมาตกแต่ง บริเวณซุ้มของกำแพงยังปรากฏถ้วยลายครามจีนสมัยราชวงศ์หมิง ส่วน ยอดของซุ้มประตูมีเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์ชิง
บริเวณซุ้มกำแพงทิศเนือด้านในก่อเป็นเสา ยอดเสาคงเป็นเจดีย์ยอดแต่ส่วนขององค์ระฆังหักหายไปแล้ว เหลือเพียงฐานที่เป็นฐานสิงห์ หนึ่งชั้นรองรับบัวกลุ่ม
ประตูด้านหลังทำเป็นเสาหัวเข็มสองเสาเหมือนประตูทางเข้าด้านหน้า ตัดจากเสาหัวเม็ด ไปทางทิศเหนือเป็นราวกำแพงเตี้ย ๆ ไปชนกับกำแพง ด้านทิศเหนืออีกด้านไปชนทางด้านทิศตะวันตก
2.3 กำแพงด้านทิศตะวันตก อยู่ตรงกันข้ามกับประตูทางเข้าออกด้านหน้าเป็นกำแพงสูงประมาณ 1.80 เมตร ยอดกำแพงไม่มีใบเสมา ในผนังกำแพงมีเสาหลอกสามตัน เสาด้านนอกสุดมีบัวหัวเสาคาดด้วย ลูกแก้วอกไก่ ส่วนยอดเสาคงเป็นเจดีย์ยอดเช่นเดียวกับเสาด้านใน กำแพงด้านนี้ตกแต่งประดับประดาด้วย ลายปูนปั้นทำเป็นรูปดอกไม้ โดยใช้เศษเครื่องลายครามจีนตกแต่ง จุดเด่นของผนังด้านนี้คือปูนปั้นรูปราหูอมจันทร์ ราหูไม่มีริมผีปากล่าง กางแขนออก สองมือประคองดวงจันทร์ อ้าปากแยกเขี้ยวคล้ายจะกลืนกิน
2.4 ลานหน้าถ้ำ ในลานหน้าถ้ำมีรูปยักษ์ปูนปั้นสองตนอยู่ด้านหน้าของเสาหัวเม็ดตรงประตูหลัง บริเวณนี้มีพระพุทธรูปศิลปะอยุธยาเป็นจำนวนมาก รอยพระพุทธบาทจำลองแกะไม้ฝังลงไปในเนื้อไม้เป็น ลวดลายมงคล 108 ขนาดกว้าง 63 เซนติเมตร ยาว 1.72 เมตร ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลายถึง
รัตนโกสินทร์ตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 23-24
2.5 กำแพงด้านทิศตะวันตกสุด เป็นกำแพงด้านในสุด อยู่ถัดจากกำแพงด้านทิศตะวันตก 2.70 เมตร ก่อปิดด้านในสุดของผนังเพิงผาด้านทิศตะวันตก ทำให้เกิดห้องเล็ก ๆ ซึ่งได้มีการนำพระบรมสาทิสลักษณ์ ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาประดับที่ซุ้มประตู หลังถ้ำด้านในมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ปูนปั้นหนึ่งองค์
3. พระตำหนักสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่บนบริเวณชะง่อนหินใกล้เชิงเขา เมื่อขึ้นเขาตาม บันไดนาคประมาณ 10 เมตรจะพบพระตำหนักของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอยู่ทางซ้ายมือ บริเวณ โดยรอบกุฎิมีซากกำแพงก่ออิฐเตี้ย ๆ เส้นทางเข้าสู่เขาขุนพนม จากตัวเมืองนครศรีธรรมราชไปตามถนนสาย 4016 นครศรีธรรมราชถึงอำเภอพรหมคีรี ระยะทาง ประมาณ 24 กิโลเมตร ถึงสี่แยกพรหมโลก เลี้ยวขวาเข้าไปตามถนนสายพรหมโลก-ท่าแพ ถึงบ้านนาเสน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 500 เมตร จะเห็นเขาขุนพนมตั้งอยู่เบื้องหน้า
เขาขุนพนมมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนลูกโดดเตี้ย ๆ มีต้นไม้ปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น บนภูเขามีถ้ำหินปูน ที่มีโพรงหินงอกหินย้อน ลักษณะของภูเขาวางตัวอยู่ในแถบเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ 750 เมตร กว้างตามแนวทางทิศตะวันออก-ตะวันตก ประมาณ 500 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 43 เมตร ส่วนยอดเขาสูง จากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 165 เมตร ทางทิศใต้ของภูเขาเป็นทางลาดชัน ทางทิศเหนือเป็นไหล่เขา ทางทิศตะวันตกเป็นสวนมังคุดและสวนยางพารา ทางทิศตะวันตกเป็นโรงเรียนและวัดเขาขุนพนม เขาขุนพนมมีจุดเด่นอยู่ที่วัดเขาขุนพนมซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขาขุนพนม ประวัติ
การก่อสร้างไม่ปรากฏ แต่หลักฐานประเภทโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ สามารถบ่งนี้ได้ว่า วัดเขาขุนพนมน่าจะสร้างขึ้นในตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โบราณสถานโบราณวัตถุที่สำคัญได้แก่
1. พระอุโบสถ เดิมเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาด 5.80 x 11.20 เมตร ตั้งอยู่บนฐานยกพื้นสูง 1.75 เมตร เป็นฐานเขียงสองชั้นและฐานสิงห์หนึ่งชั้น หลังคาจั่วไม่มีช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ประดับหลังคา ของพระอุโบสถเหมือนทั่วไป ลักษณะจะเป็นพระอุโบสถที่เรียกว่า มหาอุด คือไม่มีช่องหน้าต่าง พ.ศ. 2533 มีการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ทำให้มีช่องรับแสงใต้หน้าบันและใต้ปีกหลังคา ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีสาวกซ้ายขวาที่พนมมือที่มุมด้านข้างฐานชุกชี รอบ พระอุโบสถมีใบเสมาแปดใบตั้งอยู่บนฐานสิงห์ ย่อมุมได้สิบสอง ส่วนบนเป็นบัวกลุ่มรองรับใบเสมา
2. ถ้ำพระเจ้าตาก บันไดทางขึ้นมีรูปพญานาคปูนปั้นเจ็ดเศียรสองตน แผ่นพังพานทอดตัวเป็นราว บันได มีทั้งหมด 245 ชั้น กลางลำตัวพญานาคสลักเป็นรูปพระพุทธรูปที่นั่งขัดสมาธิปิดตา อยู่ในวงกลมล้อม รอบด้วยลายเม็ดน้ำค้างและกลีบดอกไม้ ด้านนอกวงกลมเป็นลายกระจัง ใต้ศอพญานาคทุกตนมีลายนโม สุดปลายหางพญานาคเป็นเพิงผาขนาดใหญ่เรียกว่า ถ้ำพระเจ้าตากหรือถ้ำเขาขุนพนม ปากถ้ำหันไปทาง
ทิศตะวันออก มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญได้แก่
2.1 ประตูทางเข้าด้านหน้า เป็นเสาหัวเม็ดเตี้ย ๆ ช่องประตูกว้างประมาณ 70 เซนติเมตร ติดกับเสา หัวเม็ดด้านเหนือมีกำแพงแก้วเตี้ย ๆ ไปชิดกับผนังกำแพงก่ออิฐถือปูน
2.2 กำแพงทางด้านทิเศหนือ เป็นกำแพงอิฐถือปูนกว้างประมาณ 2.60 เมตร ยาว 9.30 เมตร สูง 1.80 เมตร ส่วนบนสุดของกำแพงประดับด้วยใบเสมา ภายในห้องหลังกำแพงประดิษฐานพระพุทธรูป ปางมารวิชัยสามองค์ ด้านข้างผนังถ้ำมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยหนึ่งองค์และพระพุทธรูปสมาธิสององค์ ตัว
กำแพงมีการนำถ้วยชามมาตกแต่ง บริเวณซุ้มของกำแพงยังปรากฏถ้วยลายครามจีนสมัยราชวงศ์หมิง ส่วน ยอดของซุ้มประตูมีเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์ชิง
บริเวณซุ้มกำแพงทิศเนือด้านในก่อเป็นเสา ยอดเสาคงเป็นเจดีย์ยอดแต่ส่วนขององค์ระฆังหักหายไปแล้ว เหลือเพียงฐานที่เป็นฐานสิงห์ หนึ่งชั้นรองรับบัวกลุ่ม
ประตูด้านหลังทำเป็นเสาหัวเข็มสองเสาเหมือนประตูทางเข้าด้านหน้า ตัดจากเสาหัวเม็ด ไปทางทิศเหนือเป็นราวกำแพงเตี้ย ๆ ไปชนกับกำแพง ด้านทิศเหนืออีกด้านไปชนทางด้านทิศตะวันตก
2.3 กำแพงด้านทิศตะวันตก อยู่ตรงกันข้ามกับประตูทางเข้าออกด้านหน้าเป็นกำแพงสูงประมาณ 1.80 เมตร ยอดกำแพงไม่มีใบเสมา ในผนังกำแพงมีเสาหลอกสามตัน เสาด้านนอกสุดมีบัวหัวเสาคาดด้วย ลูกแก้วอกไก่ ส่วนยอดเสาคงเป็นเจดีย์ยอดเช่นเดียวกับเสาด้านใน กำแพงด้านนี้ตกแต่งประดับประดาด้วย ลายปูนปั้นทำเป็นรูปดอกไม้ โดยใช้เศษเครื่องลายครามจีนตกแต่ง จุดเด่นของผนังด้านนี้คือปูนปั้นรูปราหูอมจันทร์ ราหูไม่มีริมผีปากล่าง กางแขนออก สองมือประคองดวงจันทร์ อ้าปากแยกเขี้ยวคล้ายจะกลืนกิน
2.4 ลานหน้าถ้ำ ในลานหน้าถ้ำมีรูปยักษ์ปูนปั้นสองตนอยู่ด้านหน้าของเสาหัวเม็ดตรงประตูหลัง บริเวณนี้มีพระพุทธรูปศิลปะอยุธยาเป็นจำนวนมาก รอยพระพุทธบาทจำลองแกะไม้ฝังลงไปในเนื้อไม้เป็น ลวดลายมงคล 108 ขนาดกว้าง 63 เซนติเมตร ยาว 1.72 เมตร ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลายถึง
รัตนโกสินทร์ตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 23-24
2.5 กำแพงด้านทิศตะวันตกสุด เป็นกำแพงด้านในสุด อยู่ถัดจากกำแพงด้านทิศตะวันตก 2.70 เมตร ก่อปิดด้านในสุดของผนังเพิงผาด้านทิศตะวันตก ทำให้เกิดห้องเล็ก ๆ ซึ่งได้มีการนำพระบรมสาทิสลักษณ์ ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาประดับที่ซุ้มประตู หลังถ้ำด้านในมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ปูนปั้นหนึ่งองค์
3. พระตำหนักสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่บนบริเวณชะง่อนหินใกล้เชิงเขา เมื่อขึ้นเขาตาม บันไดนาคประมาณ 10 เมตรจะพบพระตำหนักของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอยู่ทางซ้ายมือ บริเวณ โดยรอบกุฎิมีซากกำแพงก่ออิฐเตี้ย ๆ เส้นทางเข้าสู่เขาขุนพนม จากตัวเมืองนครศรีธรรมราชไปตามถนนสาย 4016 นครศรีธรรมราชถึงอำเภอพรหมคีรี ระยะทาง ประมาณ 24 กิโลเมตร ถึงสี่แยกพรหมโลก เลี้ยวขวาเข้าไปตามถนนสายพรหมโลก-ท่าแพ ถึงบ้านนาเสน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 500 เมตร จะเห็นเขาขุนพนมตั้งอยู่เบื้องหน้า
รูปตำหนักพระเจ้าตากสินมหาราชวัดเขาขุนพนม
วัดควนสระบัว
วัดควนสระบัวสร้างมาประมาณ 100 กว่าปีก่อน ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลท่ายาง อำเภอท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเมื่อก่อนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีสระบัวขนาดใหญ่ โดยมีพระองค์แรกคือ พ่อท่านนิ่ม ในสระบัวจะมีโบสถ์สร้างเอาไว้ ต่อมามีการทำลายและต่อเติมสร้างโบสถ์และศาลาการเปรียญ ผู้ที่ทำหน้าที่สานต่อ คือ หวงพ่อแดง (พระครูธรรมมิตรศารานุวัตร) เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน คือ พระครูปทุมสรณคุณ
วัดควนสระบัวสร้างมาประมาณ 100 กว่าปีก่อน ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลท่ายาง อำเภอท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเมื่อก่อนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีสระบัวขนาดใหญ่ โดยมีพระองค์แรกคือ พ่อท่านนิ่ม ในสระบัวจะมีโบสถ์สร้างเอาไว้ ต่อมามีการทำลายและต่อเติมสร้างโบสถ์และศาลาการเปรียญ ผู้ที่ทำหน้าที่สานต่อ คือ หวงพ่อแดง (พระครูธรรมมิตรศารานุวัตร) เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน คือ พระครูปทุมสรณคุณ
รูปวัดควนสระบัว





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น